แบ่งปันเอกสารสรุปย่อสาระสำคัญ พรบการอาชีวศึกษา 2551เตรียมสอบครู สอศ.
สรุป
พรบ.อาชีวศึกษา
สรุปสาระสำคัญพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษาพ.ศ.
๒๕๕๑
พรบ. ฉบับนี้ ประกอบไปด้วย 6 หมวด 1
บทเฉพาะกาล 63 มาตรา
หมวด ๑
บททั่วไป
- การจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพต้องเป็นการจัดการศึกษาในด้านวิชาชีพ
เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนในด้านวิชาชีพระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี
-
รูปแบบการจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ ดังต่อไปนี้
(๑) การศึกษาในระบบ ที่เน้นการศึกษาในสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบัน
(๒) การศึกษานอกระบบ เนื้อหาและหลักสูตร
ยืดหยุ่นตามความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
(๓) การศึกษาระบบทวิภาคี
ผู้เรียนใช้เวลาส่วนหนึ่งในสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบัน
และเรียนภาคปฏิบัติในสถานประกอบการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ
-
หลักสูตรการจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพที่คณะกรรมการการอาชีวศึกษากำหนด
ดังต่อไปนี้
(๑) ประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(๒) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
(๓) ปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ
-
การจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพต้องคำนึงถึง
(๑) มีการกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปสู่สถานศึกษาอาชีวศึกษาและสถาบัน
(๒) การศึกษาในด้านวิชาชีพต่อเนื่องจนถึงระดับปริญญาตรี
(๓) การมีส่วนร่วมของชุมชน สังคม และสถานประกอบการ
(๔) มีความยืดหยุ่น หลากหลาย
และมีระบบเทียบโอนผลการเรียนและระบบเทียบประสบการณ์การทำงานของบุคคล
(๕) ให้สถานประกอบการมีส่วนร่วมในการจัดการอาชีวศึกษา
(๖) การระดมทรัพยากรทั้งจากภาครัฐและเอกชน
(๗) พัฒนาครูและคณาจารย์ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
หมวด ๒
สถานศึกษาอาชีวศึกษา
หากสถานศึกษาอาชีวศึกษาแห่งใดมีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์เฉพาะด้านในสาขาวิชาชีพให้คณะกรรมการการอาชีวศึกษาส่งเสริมและสนับสนุนสถานศึกษาอาชีวศึกษานั้นเพื่อให้สามารถจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพได้อย่างต่อเนื่อง
และได้รับการพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
หมวด ๓
สถาบันการอาชีวศึกษา
ส่วนที่ ๑
การจัดตั้ง
สถานศึกษาอาชีวศึกษาสามารถรวมกันเป็นสถาบันได้
(โดยให้ออกเป็นกฎกระทรวง)
มีสภาพเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ส่วนที่ ๒
การดำเนินการ
- การแบ่งส่วนราชการของสถาบัน
(๑) สำนักงานผู้อำนวยการสถาบัน
อาจแบ่งเป็นฝ่ายหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าฝ่าย
(๒) วิทยาลัย อาจแบ่งเป็นคณะวิชา
ภาควิชา แผนก หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะวิชาหรือภาควิชา
(๓) สำนัก
อาจแบ่งเป็นแผนกหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น
(๔) ศูนย์
ที่มีฐานะเทียบเท่าแผนก
-
สถาบันมีอำนาจให้ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือปริญญาตรีแก่ผู้ที่ศึกษาจากสถานศึกษาหรือสถานประกอบการ
และสำเร็จการศึกษาตามหลักเกณฑ์ของสถาบันได้
ส่วนที่ ๓
สภาสถาบันและผู้บริหารสถาบัน
คณะกรรมการสภาสถาบันในสถาบันแต่ละแห่ง
จำนวนไม่เกินสิบสี่คนประกอบด้วย
(๑) นายกสภาสถาบัน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง
(๒) กรรมการสภาสถาบัน ๑๓ คน
ได้แก่
ผู้อำนวยการสถาบัน
เลือกจากบุคคลที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเสนอ
๔ คน
เลือกจากผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถาบัน
๒ คน
เลือกจากครูหรือคณาจารย์ประจำที่มิได้เป็นผู้บริหาร ๒ คน
เลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิ
๔ คน
แต่งตั้งรองผู้อำนวยการสถาบันคนหนึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการสภาสถาบัน
-
นายกและกรรมการสภาสถาบัน มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี
และจะแต่งตั้งหรืออาจได้รับเลือกใหม่อีกได้
-
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ นายกสภาสถาบันและกรรมการสภาสถาบัน
พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) ขาดคุณสมบัติ
(๔) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
(๕) สภาสถาบันมีมติให้ออก ต้องเป็นไปตามมติสองในสามของจำนวนกรรมการ
สภาสถาบันเท่าที่มีอยู่
(๖) เป็นบุคคลล้มละลาย
(๗) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
-
ให้มีการดำเนินการให้ได้มาซึ่งนายกสภาสถาบันหรือกรรมการสภาสถาบันภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่ง
-
ผู้อำนวยการสถาบันเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงานของสถาบัน
และให้มีรองผู้อำนวยการสถาบันอย่างน้อยหนึ่งคน กับทั้งอาจมีผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันหนึ่งคนหรือหลายคนก็ได้
-
ผู้อำนวยการสถาบันมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี
และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้
-
นอกจากการพ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) สภาสถาบันมีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียงสองในสามของจำนวนกรรมการสภาสถาบันเท่าที่มีอยู่
เพราะมีความประพฤติเสื่อมเสีย บกพร่องต่อหน้าที่หรือหย่อนความสามารถ
(๔) ถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการ
(๕) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
(๖) เป็นบุคคลล้มละลาย
(๗) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
เมื่อผู้อำนวยการสถาบันพ้นจากตำแหน่ง
ให้รองผู้อำนวยการสถาบันหรือผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันพ้นจากตำแหน่งด้วย
และให้มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ผู้อำนวยการสถาบันพ้นจากตำแหน่ง
-
ผู้อำนวยการสถาบันและรองผู้อำนวยการสถาบันต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
ตำแหน่ง
|
วุฒิการศึกษา
|
ประสบการณ์
|
ผู้อำนวยการสถาบัน
รองผู้อำนวยการสถาบัน
|
ไม่ต่ำกว่าชั้นปริญญาเอกหรืออเทียบเท่า
|
สอนหรือมีประสบการณ์ด้านบริหารในสถานศึกษาอาชีวศึกษา
สถาบันหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่น
หรือเคยดำรงตำแหน่งกรรมการสภาสถาบันอุดมศึกษาอื่นมาแล้วรวมเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองปี
|
ปริญญาชั้นใดชั้นหนึ่งหรือเทียบเท่า
|
สอนหรือมีประสบการณ์ด้านบริหารในสถานศึกษาอาชีวศึกษา
สถาบันหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่น
หรือเคยดำรงตำแหน่งกรรมการสภาสถาบันอุดมศึกษาอื่นมาแล้วรวมเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสี่ปี
|
|
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สถาบัน
|
ปริญญาหรือเทียบเท่า
|
-
|
-
ตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันและตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถาบันเป็นตำแหน่งที่เทียบเท่าตำแหน่งอธิการบดีและตำแหน่งรองอธิการบดีในหน่วยงานการศึกษาที่สอนระดับปริญญา
ส่วนที่ ๔
ตำแหน่งทางวิชาการ
- คณาจารย์ประจำซึ่งสอนชั้นปริญญาในสถาบันมีตำแหน่งทางวิชาการ
ดังต่อไปนี้
(๑) ศาสตราจารย์
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งโดยคำแนะนำของสภาสถาบัน
(๒) รองศาสตราจารย์
(๓) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
(๔) อาจารย์
ส่วนที่ ๕
ปริญญาและเครื่องหมายวิทยฐานะ
-
สถาบันมีอำนาจให้ปริญญาตรีในสาขาวิชาที่มีการสอนในสถาบันได้
-
ออกข้อบังคับกำหนดให้ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งหรือปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับสองได้
-
กำหนดให้มีประกาศนียบัตรออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาเฉพาะวิชาได้
-
มีอำนาจให้ปริญญากิตติมศักดิ์
แต่จะให้ปริญญาดังกล่าวแก่คณาจารย์ประจำ ผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ
ในสถาบันนายกสภาสถาบันหรือกรรมการสภาสถาบันในขณะดำรงตำแหน่งนั้นมิได้
-
กำหนดให้มีครุยวิทยฐานะหรือเข็มวิทยฐานะเป็นเครื่องหมายแสดงวิทยฐานะของผู้ได้รับปริญญา
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและประกาศนียบัตรวิชาชีพได้และอาจกำหนดให้มีครุยประจำตำแหน่งกรรมการสภาสถาบัน
ครุยประจำตำแหน่งผู้บริหาร หรือครุยประจำตำแหน่งคณาจารย์ของสถาบันได้
-
กำหนดให้มีตรา สัญลักษณ์ เครื่องหมายของสถาบัน เครื่องแบบ
เครื่องหมาย หรือเครื่องแต่งกายของนักศึกษาได้
หมวด ๔
ความร่วมมือในการจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ
- สถานศึกษาอาชีวศึกษาของเอกชนอาจเข้าร่วมเป็นเครือข่ายของสถาบันเพื่อประโยชน์ในการร่วมมือทางวิชาการ
การสร้างคุณภาพการอาชีวศึกษาเอกชน
-
จัดระบบการจัดการให้เอื้ออำนวยแก่ผู้มีประสบการณ์
ผู้ผ่านการฝึกอบรมจากสถานประกอบการที่ได้รับการรับรอง
ผู้เรียนที่สะสมผลการเรียนไว้
และผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน
ให้สามารถเทียบโอนผลการเรียนหรือประสบการณ์ด้านวิชาชีพเพื่อให้ได้คุณวุฒิการศึกษาในหลักสูตรต่างๆ
ได้
-
จัดการศึกษาระบบทวิภาคีที่เป็นความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบัน
และสถานประกอบการ
-
สถานประกอบการที่ประสงค์จะดำเนินการจัดการอาชีวศึกษา
และการฝึกอบรมวิชาชีพตามพระราชบัญญัตินี้
ให้ยื่นคำขอต่อเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
-
ครูฝึกในสถานประกอบการ ต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
ดังต่อไปนี้
(๑)
เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาและผ่านการศึกษาหรือฝึกอบรมวิชาการศึกษาด้านอาชีพ
(๒) เป็นผู้ชำนาญการด้านอาชีพโดยสำเร็จการศึกษาวิชาชีพไม่ต่ำกว่าระดับบประกาศนียบัตรวิชาชีพ
หรือผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
หรือมาตรฐานอื่นตามที่คณะกรรมการการอาชีวศึกษากำหนด
(๓)
เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพเฉพาะสาขาซึ่งสำเร็จการศึกษาวิชาชีพไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพที่มีประสบการณ์ในสาขาอาชีพนั้นไม่น้อยกว่าห้าปี
หรือสำเร็จการศึกษาวิชาชีพระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงที่มีประสบการณ์ในสาขาอาชีพนั้นไม่น้อยกว่าสามปี
หรือผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติและมีประสบการณ์ในการทำงานในสาขาอาชีพนั้นไม่น้อยกว่าห้าปี
(๔) เป็นผู้มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จในอาชีพเฉพาะสาขา
มีผลงานเป็นที่ยอมรับในสังคมและท้องถิ่น และสามารถถ่ายทอดความรู้ได้
หมวด ๕
การเงินและทรัพยากร
-
ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากระทรวงศึกษาธิการ
เรียกว่า “กองทุนเพื่อพัฒนาการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ” ประกอบด้วย
(๑) เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่สถานประกอบการหรือเอกชนมอบให้แก่กองทุน
หรือที่มีผู้บริจาคหรืออุทิศให้แก่กองทุน
(๒) เงินที่ได้รับจากต่างประเทศ รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ
(๓) ดอกผลและผลประโยชน์ที่เกิดจากกองทุน
(๔) รายได้หรือผลประโยชน์อื่นของกองทุน
-
เงินกองทุนให้ใช้จ่ายได้ ดังต่อไปนี้
(๑) การดำเนินงานและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพเครื่องมือ อุปกรณ์ อาคารสถานที่
หลักสูตร กิจกรรม มาตรฐานสถานศึกษาและรูปแบบการศึกษา และการพัฒนาบุคลากร
รวมถึงนักเรียนและนักศึกษาของสถานศึกษาอาชีวศึกษา สถาบัน สถานประกอบการ
และครูฝึกในสถานประกอบการ ตลอดจนความร่วมมือระหว่างหน่วยงานดังกล่าว
(๒)
การให้กู้ยืมแก่ผู้สำเร็จการศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อใช้จ่ายในการประกอบอาชีพโดยอิสระ
(๓) เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๖
บทกำหนดโทษ
อัตราค่าปรับ
|
ความผิด
|
จำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
|
ใช้ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
ครุยประจำตำแหน่ง เครื่องแบบ เครื่องหมาย หรือเครื่องแต่งกายของนักศึกษาหรือสิ่งใดที่เลียนแบบสิ่งดังกล่าว
โดยไม่มีสิทธิที่จะใช้หรือแสดง
|
จำคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
|
(๑) ปลอม
หรือทำเลียนแบบซึ่งตรา สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายของสถาบัน
(๒) ใช้ตรา สัญลักษณ์
หรือเครื่องหมายของสถาบันปลอมหรือทำเลียนแบบ หรือ
(๓) ใช้
หรือทำให้ปรากฏซึ่งตรา สัญลักษณ์ เครื่องหมายของสถาบันที่วัตถุหรือสินค้าใดๆ
โดยไม่ได้รับอนุญาต
ถ้าผู้กระทำความผิดตาม (๑)
เป็นผู้กระทำความผิดตาม (๒) ด้วย ให้ลงโทษเฉพาะความผิดตาม (๒) แต่กระทงเดียว
ความผิดตาม (๓)
เป็นความผิดอันยอมความได้
|
บทเฉพาะกาล
-
ให้สถานศึกษาอาชีวศึกษาที่ตั้งขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเป็นสถานศึกษาอาชีวศึกษาตามพระราชบัญญัตินี้
ในระหว่างที่ยังมิได้มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบัน
ให้เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันตามพระราชบัญญัตินี้ซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่รักษาการดังกล่าว
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
จำหน่ายไฟล์เอกสารแนวข้อสอบ ครูผู้ช่วย สอศ. สพฐ.ภาค ก และภาค ข ฉบับสมบูรณ์ ราคา 399 บาท
รายละเอียด
สรุป+แนวข้อสอบคลอบคลุมหลักสูตรการแข่งขันสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ภาคก ความรอบรู้และความรู้ และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวความประพฤติและการปฎิบัติของวิชาชีพครู
1.ความรอบรู้
1.1 สังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์ปัจจุบัน
1.2 นโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
1.3 วัฒนธรรมไทยและขนบธรรมเนียมประเพณีไทย
1.4 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฎิบัติราชการ
1.4.1พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
1.4.2พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546และที่แก้ไขเพิ่มเติม
1.4.3พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
1.4.4พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547และที่แก้ไขเพิ่มเติม
1.4.5พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
1.4.6พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. 2551
1.4.7กฎหมายอาชีวศึกษา กฎกระทรวง ระเบียบข้อบังคับ ของสอศ. ที่เกี่ยวข้องเช่น
-พ.ร.บ.การอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551
-กรอบมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2551, กรอบมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาระดับ ปวช. และปวส.
พ.ศ. 2556
-กรอบมาตรฐานหลักสูตร หลักสูครและการพัฒนาหลักสูตร ระดับ ปวช.พ.ศ. 2556 และปวส. พ.ศ. 2557
- ระเบียบการประเมินผล ปวช. 2545 พ.ศ.2547 และปวส 2546 พ.ศ.2547
-มาตรฐานการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2555
-กฎกระทรวง และระเบียบ การแบ่งส่วนราชการ การบริหารของสอศ. ,สถาบัน และสถานศึกษา
2. ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฎิบัติของวิชาชีพครู
2.1 วินัยและการรักษา
2.2 คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม
2.3 มาตรฐานวิชาชีพ
2.4 จรรยาบรรณวิชาชีพ
2.5 สมรรถนะวิชาชีพ
ภาค ข ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง
3. ความรู้ความสามารถกเกี่ยวกับวิชาการศึกษา ความรู้ในวิชาชีพครู
3.1หลักสูตรและการพัฒนาหลักสูตร
3.2หลักการสอนและการจัดการเรียนรู้
3.3จิตวิทยาและการแนะแนว
3.4การพัฒนาผู้เรียน
3.5การบริหารจัดการชั้นเรียน
3.6การวิจัยการศึกษา
3.7สื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา
3.8การวัดและประเมินผลการศึกษา
เรียบเรียง โดย ดร. ภักดี รัตนมุขย์
เอกสาร เนื้อหา+แนวข้อสอบ จะเป็น zipไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้ในการเปิดไฟล์ เพราะมีเนื้อหาจำนวนมาก สามารถนำไปปริ้นอ่านได้เลย ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์
สั่งซื้อ สรุปเนื้อหา+แนวข้อสอบ แจ้งที่ อีเมล์ Dr.Pukdee-@hotmail.com , facebook.com/dr.pukdee
ชำระเงินผ่านบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเภทออมทรัพย์ สาขามหาสารคาม
เลขที่บัญชี 608-269894-8 ชื่อบัญชี นางสาวทักษพร รัตนมุขย์ ชำระเงินแล้วโทร. แจ้ง 084-2616667,043-721822 หรือแจ้งทางอีเมล์อีกครั้งว่าโอนเงินแล้ว ระบุวันที่ เวลา ยอดเงินที่โอน
กำหนดการและรายละเอียด การติวสอบบรรจุครูผู้ช่วย สอศ.
ค่าใช้จ่ายในการติว 1,500 บาท สำรองที่นั่งละ 500 บาท (ส่วนที่เหลือจ่ายหน้างาน) สถานที่ติวจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 3 วัน ( รายละเอียดวิชาที่ติวอยู่ด้านบน )
วันที่ 28-29 มีนาคม 2558 ภาคเหนือ(พิษณุโลก) วันที่ 4-5เมษายน 2558 ภาคกลาง(จังหวัดสมุทรสาคร) วันที่ 18-19 เมษายน 2558 ภาคใต้(จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) วันที่ 25-26 เมษายน 2558 ภาคอีสาน(จังหวัดมหาสารคาม) กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หมายเหตุ จังหวัดใดมีคนต้องการติวครบ 30 คน สถาบันฯจะเดินทางไปติวให้เลยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก